ประสบการณ์เกี่ยวกับความตาย ของ คาร์เรน
Home Page ประสบการณ์ใกล้ตาย – เรื่องเล่าล่าสุด เล่าประสบการณ์ใกล้ตายของคุณ



Experience description:

ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น

ดิฉันมีนิสัยกลัวมากเรื่องพายุฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นพายุที่มีกำลังแรงจัดมาก อาจกล่าวได้ว่า ดิฉันมีนิสัยกลัวพายุตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาวเนื่องจากคุณแม่ของดิฉันก็เป็นคนที่กลัวพายุเช่นกัน ทำให้ยิ่งวันดิฉันจะกลัวเรื่องพายุมากขึ้นทุกๆที ดิฉันเคยมีประวัติของการเป็นจิตตก (ใจหดหู่ หมดกำลังใจ) ดิฉันมักจะคิดอยู่เสมอว่าตัวดิฉันไม่แคร์ว่า จะตายหรือจะอยู่ไปทำไม 

วันนั้น เป็นวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สดใส ไม่มีแม้แต่ก้อนเมฆสักก้อนเลย มันดูเหมือนว่า พายุกำลังตั้งเค้าแล้ว และกำลังมุ่งตรงมาหาตัวดิฉัน มันเหมือนกับว่า ลูกระเบิดกำลังจะระเบิดออกมาในทิศทางของพายุที่เคยพัดมาประจำ ขณะนั้น ดิฉันกำลังรดน้ำในสวนด้วยสายยางและต้องการจะปิดหัวฉีดของสายยาง ซึ่งจะปิดหัวฉีดได้ ต้องเดินไปปิดที่บริเวณบ้าน ดังนั้นจึงเดินไปที่บ้านเพื่อปิดก๊อกน้ำของสายยาง ขณะเดียวกันใจก็พะวงถึงสุนัขของดิฉันที่ถูกปล่อยออกไปด้านนอกท่ามกลางพายุที่กำลังจะมา ขณะที่กำลังก้าวลงสู่บันไดของของสวนหลังบ้าน

พลันดิฉันก็ได้ยินเสียงดัง “แก๊ก” สนั่น และก็เห็นลูกบอลหลากสีเช่นลูกบอลสีฟ้า สีขาว สีสว่างสดในรอบๆศีรษะของดิฉัน แล้วดิฉันก็พยายามวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน มองลงไปข้างล่าง ดิฉันก็เห็นตัวดิฉันเอง ที่เปียกปอนชุ่มด้วยน้ำฝน และโคลนตมสาดกระเซ็นไปทั่วร่าง ดิฉันเห็นน้องสาวของดิฉันวิ่งออกมาตามทางเดิน เธอมองมายังที่ร่างของฉัน มือไม้อ่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรถูก

และแล้ว ดิฉันก็เริ่มเห็นภาพฉายกลับชีวิตในอดีตเริ่มย้อนกลับมาให้เห็น เริ่มตั้งแต่ดิฉันยังเป็นเด็กจนกระทั่งเติบโตขึ้นมา ดิฉันยังได้เห็นคุณปู่ของดิฉันยืนอยู่ข้างๆฉัน พร้อมกับรอยยิ้มเหมือนที่ท่านเคยยิ้มมาก่อนหน้า คุณปู่ของดิฉันไม่ได้พูดอะไร ท่านเสียชีวิตไปหลายปีมาแล้ว ดิฉันรู้สึกมีความสงบใจมาก มีความเยือกเย็นสบายกายสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิตนี้ มันดูช่างมีความอบอุ่น มีความสมบูรณ์ได้รับการดูแลอย่างดี จิตใจของดิฉันช่างสงบเหลือเกินไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย ฉันเริ่มรำพึงกับตัวเองว่า โอ้ พระเยซูคริสเจ้า เป้าหมายของดิฉันคืออะไรกันแน่ ทันทีทันใดนั้น ก็มีเด็กผู้หญิงผมสีบลอนจำนวน 2 คนซึ่งกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ และกำลังวิ่งตรงมาหาดิฉัน ทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกัน ประมาณ 5 – 7 ขวบได้ โดยแต่งตัวแบบเสื้อไม่มีแขน

เราไม่ได้คุยกันด้วยคำพูดทางเสียง แต่เราใช้วิธีสื่อสารกันด้วยโทรจิต ฉันได้รับการเลือกว่า ต้องการจะกลับไปหรือไม่ ซึ่งทำให้ฉันสองจิตสองใจตัดสินใจไม่ถูก ขณะนั้นความคิดฉันก็พลันไปคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ของดิฉัน ทำให้ดิฉันได้เรียนถึงความประสงค์แก่พระเยซูคริสเจ้า เพื่อช่วยในการตัดสินใจของดิฉัน พลันดิฉันก็กลับมาสู่โลกใบนี้ กลับมายังบ้านหลังเดิม โดยเจ้าสุนัขของดิฉันก็ยังอยู่ในบ้านเหมือนเดิม ฉันยืนตัวแข็งทื่อสั่นสะเทือนทั้งตัวด้วยความกลัว โดยฉันขยับตัวไม่ได้เกือบ 15 นาที ฉันรู้เวลา เนื่องจากฉันเฝ้ามองที่นาฬิกาของบ้าน 

ฉันไม่รู้เลยว่า ฉันเข้าไปในบ้านได้อย่างไร และก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สุนัขของดิฉันเข้าไปในบ้านได้อย่างไรเช่นกัน พายุพัดมาอย่างน่ากลัว พัดปลิวทุกอย่างที่ขวางหน้า มันช่างพัดอย่างรวดเร็วและรุนแรงเหลือเกิน น้องสาวดิฉันวิ่งหน้าตื่นเข้ามาและบอกดิฉันว่า หน้าตาดิฉันขาวซีดเหมือนเห็นผีมาอย่างนั้นเลย ฉันสังเกตที่เท้าของฉันตั้งแต่ตาตุ่มลงไปชุ่มไปด้วยโคลนตม อาจจะว่า เกิดจากสายยางที่รั่วแล้วทำให้โคลนกระเด็นใส่ขาของดิฉัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดิฉันไม่เคยกลัวความตายเลย และก็อยากบอกเพื่อนๆคนอื่นว่า อย่าได้มีความกลัวเรื่องความตายเลย

ฉันกลับมานั่งคิดกับตัวเองอย่างเงียบๆว่า ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีความเกี่ยวพันกันหมด ไม่ว่าจะด้วยเชื้อชาติ ผิวสี ชาติพันธ์ ไม่ว่า ท่านจะมั่งมีร่ำรวยเพียงใด ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมโลกด้วยกันทั้งสิ้น ดิฉันเริ่มมีความสงบแล้วแต่ก็ยังไม่รู้เป้าหมายชีวิตของดิฉัน ฉันไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงผมบลอนทั้งสองคนคือใคร เพราะฉันมีลูกชาย 2 คนที่มีผมสีบลอนเช่นกัน ฉันรู้สึกสับสน ต่อจากนั้นเป็นเวลาถึง 27 ปี ที่ดิฉันเป็นมังสวิรัติ ฉันจะไม่ทำผิดต่อบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตที่มีความเกี่ยวข้องกันในโลกใบนี้ เพราะเราทั้งปวงมีความนึกคิดมีอารมณ์ร่วมเหมือนๆกัน

ความวิตกจิตของดิฉันเริ่มค่อยๆลดลง ฉันเริ่มไม่ต้องกินยาแล้ว มันได้เปลี่ยนทัศนคติในการดำเนินชีวิตของดิฉัน และมันทำให้ดิฉันต้องเล่าประสบการณ์เรื่องแบบนี้ ให้คนอื่นๆได้รับรู้

ฉันเริ่มอ่านหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวและพบว่า มันช่างน่าสนใจเหลือเกิน ฉันเริ่มเข้าไปร่วมฟังการอ่านของแอนเจลินาไดอานา ฉันเริ่มรู้ว่าฉันต้องเป็นอาสาสมัครหลังจากที่ได้รับประสบการณ์เรื่องความตายนี้แล้ว ฉันเริ่มมีจิตอันแรงกล้า มีความเข้มแข็งขึ้นอย่างมากมาย